เกือบแขวนถุงมือ

เกือบแขวนถุงมือ โจ ฮาร์ท กับคำตอบสุดเถรตรงจาก ซานโต้

เกือบแขวนถุงมือ

เกือบแขวนถุงมือ ในวัย 34 ปี โจ ฮาร์ท กำลังมีช่วงเวลาที่ยอดเยี่ยมกับ เซลติก เขาได้รับโอกาสลงเล่นเป็นตัวจริงอย่างต่อเนื่องจนถึงขนาดที่ว่าลงสนามไปแล้ว 46 นัดจากทุกรายการ, มีส่วนพาทีมนำเป็นจ่าฝูงของ สกอตติช พรีเมียร์ชิพ ในตอนนี้ จากการมีแต้มมากกว่า เรนเจอร์ส 3 คะแนน รวมถึงเพิ่งได้สัมผัสกับถ้วยแชมป์ สกอตติช ลีก คัพ ไปเมื่อช่วงเดือนธันวาคมที่ผ่านมา จากการที่ช่วยให้ทีมชนะ ฮิเบอร์เนียน ในนัดชิงชนะเลิศ 2-1

เรื่องทั้งหมดนี้ต่างจากสถานการณ์ก่อนหน้าที่เขาจะมาซบ เซลติก เมื่อวันที่ 3 สิงหาคม ปี 2021 อย่างสิ้นเชิง เพราะเขาไม่ได้เป็นตัวหลักของ ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ ตั้งแต่ฤดูกาลก่อนแล้ว ก่อนที่จะมีสภาพเหมือนโดนฝังทั้งเป็นจากการที่ นูโน่ เอสปิริโต้ ซานโต้ ซึ่งเพิ่งเข้าไปคุม สเปอร์ส ในช่วงซัมเมอร์ ปีก่อน บอกว่าเขาไม่อยู่ในแผนการทำทีมอีกต่อไป

สถานการณ์เมื่อช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมาของ ฮาร์ท เรียกได้ว่ามันเลวร้ายมากๆ จนแทบไม่อยากจะเชื่อเลยว่ามันเกิดเรื่องอย่างนั้นขึ้นกับคนที่เคยเป็นมือ 1 ของทีมชาติอังกฤษ, เคยเป็นตัวหลักของทีมระดับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้, เคยได้รับการยกย่องว่าเป็นนายทวารที่เหนียวหนีบทึ่สุดคนหนึ่งของวงการฟุตบอลยุโรป ใช่ แม้แต่ ฮาร์ท ก็ยังไม่อยากจะเชื่อเลยว่าชีวิตของตัวเองพลิกผันไปถึงขั้นนั้นได้

“เมื่อช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมามันเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างมากที่ ท็อตแน่ม” ฮาร์ท เปิดใจระหว่างที่ร่วมรายการพ็อดแคสต์รายการหนึ่ง “วันหนึ่งจู่ๆ เขา (นูโน่) ก็เรียกผมไปคุย ตอนนั้นผมรู้ดีอยู่แล้วว่าพวกเขาจะดึงผู้รักษาประตูอีกคนมาร่วมทีม ผมเลยมีอารมณ์ประมาณว่า -นี่เราจำเป็นต้องคุยกันด้วยเหรอ ?- แต่เขาก็บอกว่าเราต้องคุยบางอย่างกันหลังจบการซ้อมไปแล้ว”

“จากนั้นเขาก็บอกกับผมว่า -ฉันขอพูดก่อนเลยนะ ฉันจะพูดให้ชัดๆ ไปเลย ไม่ว่ามันจะเกิดอะไรขึ้น ตลอดทั้งฤดูกาลนี้นายจะไม่มีวันได้เตะบอลแน่นอน ฉันเข้ากับคนในสโมสรได้ดี หลายคนเชื่อมั่นในสิ่งที่ฉันกำลังพยายามจะนำมาสู่ทีม- ตอนนั้นผมมีอารมณ์ประมาณว่า -เอ่อ โอเค- แล้วจากนั้นเขาก็บอกว่า -นายจะหาทางร่วมกับผู้อำนวยการกีฬาของสโมสรเพื่อทำให้ตัวเองย้ายออกไปจากที่นี่ก็ได้นะ ไม่ว่านายจะอยากทำอะไรก็ตามก็ทำไปเลย-”

เมื่อได้ยินแบบนั้นมีหรือที่คนระดับ ฮาร์ท จะยอมง่ายๆ “ผมถามไปว่า -คือผมแค่สงสัยน่ะนะ สมมุติว่าให้คุณพูดแบบไม่ต้องสนเรื่องสถานการณ์ในตอนนี้ คือคุณเองก็เคยเป็นผู้รักษาประตูมาก่อนนี่ ผมสงสัยว่าทำไมมันถึงมาอยู่ในจุดนี้ได้กัน ? ทำไมผมถึงเปลี่ยนจากการเป็นอะไรก็ตามที่ผมเคยเป็น มาสู่การเป็นส่วนเกินของขุมกำลังของทีม แล้วตอนนี้ถึงขั้นกลายเป็นว่าไม่ดีพอที่จะเป็นตัวสำรองให้กับมือ 1 ได้อีก ? พูดมาตามตรงเลยดีกว่า”

สิ่งที่ออกมาจากปากของ ซานโต้ ในตอนนั้น เรียกว่าเป็นสิ่งที่ ฮาร์ท คิดไม่ถึงก็ว่าได้ “เขาบอกว่า -ในความคิดของฉันน่ะ เรามาถึงจุดที่สภาพร่างกายมันไม่สามารถปล่อยให้นายเล่นฟุตบอลได้อีกต่อไปแล้ว เรามาถึงจุดนั้นกันแล้ว ตอนนี้ฉันรู้สึกไม่สบายใจที่จะให้นายลงเล่นเพื่อฉันสัก 1 นาทีด้วยซ้ำ บอลมันเร็วเกินไปสำหรับนาย, นายแก่เกินไป, นายไม่ขยับไปไหนเลย, สภาพร่างกายของนายไม่มีเรี่ยวแรงอะไรเหลือแล้ว”

“เขาฝังผมทั้งเป็นก็ว่าได้ ตอนนั้นผมถึงกับหัวเราะออกมา เพราะไม่ว่าผมจะหลอกตัวเองหรือไม่ก็ตาม แต่ผมก็ไม่เห็นด้วยกับคำพูดของเขาแม้แต่นิดเดียว ผมบอกเขาไปว่า -ผมขอความเห็นจากคุณ ตอนนี้คุณก็ตอบมาแล้ว มันไม่ใช่สิ่งที่ผมอยากได้ยิน และผมจะต้องพาตัวเองออกจากสถานการณ์นี้ให้ได้-”

คำพูดของ ซานโต้ หนักหน่วงจนถึงขั้นทำให้ตอนนั้น ฮาร์ท คิดที่จะเลิกเล่นฟุตบอลด้วยซ้ำ “วันนั้นผมตรงกลับบ้านและมีสภาพสับสนสุดๆ ผมคิดว่าผมหมดสภาพแล้ว ผมไม่สามารถปล่อยให้ตัวเองมีสภาพน่าอับอายแบบนี้ได้อีกแล้ว ผมจะนั่งอยู่ในห้องนี้แล้วให้เขาพูดแบบนั้นใส่ผมง่ายๆ ได้อีกแล้ว”

อย่างไรก็ตาม ฮาร์ท ก็ไม่สามารถทิ้งฟุตบอลได้ง่ายๆ “3 ปีที่ผมไม่รู้เลยว่าตัวเองกำลังทำบ้าอะไรอยู่กันแน่ ผมตัดสินใจเดินไปยังอีกทาง (หลังบอกลา แมนฯ ซิตี้) และโดนด่าใส่ยับๆ เหมือนโดนเตะใส่หน้าอยู่เรื่อยๆ ทั้งที่ผมก็แค่พยายามอย่างดีที่สุด ผมคิดกับตัวเองว่า -ฉันไม่อยากให้มันเป็นแบบนี้อีกแล้ว ฉันแข็งแกร่ง สุขภาพฉันยังดี ฉันรักฟุตบอล- ผมบอกกับตัวเองว่าผมยอมเล่นเกมเพื่อการกุศล 30 นัดต่อปีให้กับใครก็ได้ที่ต้องการให้ผมลงเฝ้าเสาจริงๆ และตอบแทนคนเหล่านั้น

“ผมปล่อยให้มันเป็นแบบนี้ไม่ได้ ผมชอบฟุตบอล แต่ไม่ชอบสถานการณ์ที่เกิดขึ้นอีกต่อไป ทุกคนที่หนุนหลังผมต่างก็เห็นด้วย พวกเขาบอกว่า -ฉันเข้าใจนะว่านายหมายความว่าอะไร- ดังนั้นวันต่อมาผมเลยกลับไปหาเขา (ซานโต้) และบอกว่า -อย่างแรกเลยนะ คุณเป็นผู้จัดการทีม คุณต้องตัดสินใจบางอย่างซึ่งเป็นเรื่องธรรมดา ส่วนที่เหลือมันมากเกินไป-

“มันจบแค่นั้น ผมจะไม่ทำตัวเป็นปัญหา ผมตั้งใจที่จะซ้อมให้หนักในทุกวันและหาทางออกให้ได้ ผมก็แค่ต้องรับมือกับปัญหาอีกอย่างให้ได้ เขาเป็นผู้จัดการทีมและต้องจัดการกับส่วนเกินบางอย่าง และผมก็เป็นส่วนหนึ่งของเรื่องนั้น เขาตัดสินใจอย่างนั้นไปและหนักแน่นกับเรื่องนั้น ก็ถือว่าโอเค เขาเป็นบอสและผมก็ต้องออกมา”

ฮาร์ท ไม่ปล่อยให้โอกาสมันเข้ามาหาเขา เขาตัดสินใจติดต่อไปหา อังเก้ ปอสเตโคกลู กุนซือ เซลติก ด้วยตัวเอง เพื่อเพิ่มโอกาสที่จะทำให้ได้ไปอยู่กับ เซลติก “ผมติดต่อมาหา อังเก้ คือผมรู้ดีอยู่แล้วว่า เซลติก มีการเจรจาเข้ามาเหมือนกัน พวกเขา (สเปอร์ส) บอกว่าให้ผมคุยกับอีกฝ่ายได้ ผมเลยคิดกับตัวเองว่า -เจ๋งเลย- ตอนนี้ผมรักทุกนาทีที่อยู่กับที่นี่ ผมมีความสุขกับที่นี่”

แน่นอน มันไม่สามารถตอบอย่างแน่ชัดได้ว่าระหว่าง ซานโต้ กับ ฮาร์ท ใครกันแน่ที่คิดถูกเกี่ยวกับสถานการณ์ที่ สเปอร์ส แต่อย่างน้อยตอนนี้ ฮาร์ท ก็กลับมามีความสุขอีกครั้ง และนั่นถือเป็นเรื่องที่สำคัญสำหรับนักฟุตบอลทุกคน

ติดตามข่าวกีฬาทุกวันได้ที่เว็บ : GAME HALL CASINO ONLINE

แหล่งที่มา : siamsport.co.th

By erapong